วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

[ท่องเที่ยว] 10 เกาะในภาคใต้ ที่ไม่ควรพลาด

          1. เกาะตาชัย


            เพิ่งมาอย่างเป็นทางการมาได้ไม่กี่ปี แต่ความงดงามของเกาะตาชัยกลับตราตรึงใจใครหลาย ๆ คน จนกลายเป็นเกาะที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในทะเลอันดามัน โดยเกาะตาชัยได้รับการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิมิลันในปี พ.ศ. 2541  ความงดงามของเกาะตาชัยอยู่ที่น้ำทะเลสีฟ้าใสและหาดทรายที่ขาวบริสุทธิ์ยาวกว่า 700 เมตร ซึ่งเกาะตาชัยเพิ่งเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเมื่อไม่นานมานี้ สภาพธรรมชาติบนเกาะและในทะเลจึงยังคงความสวยงามเป็นธรรมชาติ แม้จะเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่ก็มีจุดที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเลใส และความสมบูรณ์ของปะการัง มีปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว ปลาสิงโตฯ

            อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดสำหรับการมาเที่ยวเกาะตาชัย คือ การเดินป่าเข้าไปดูปูไก่ เป็นปูน้ำจืดชอบอาศัยอยู่ตามธารน้ำ ลำตัวมีสีแดงสด มีก้ามสีดำเหลือบน้ำเงินเวลาร้องจะมีเสียงคล้ายไก่ แต่เกาะตาชัยไม่มีที่พัก นักท่องเที่ยวต้องเดินทางแบบ one-day trip เท่านั้น และสามารถท่องเที่ยวได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน


            ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทรศัพท์ 0 7642 1365 และสำนักงานบนฝั่ง โทรศัพท์ 0 7659 5045

           2. เกาะกระดาน


            เกาะกระดาน เป็นเกาะที่สวยที่สุดของทะเลตรัง อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุกและเกาะลิบง มีเนื้อที่ 600 ไร่ ซึ่ง 5 ใน 6 ส่วนของเกาะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ที่เหลือเป็นของเอกชน โดยเกาะกระดานมีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสจนมองเห็นแนวปะการัง ซึ่งเป็นปะการังน้ำตื้น ตลอดจนฝูงปลาหลากสีหลายพันธุ์ บนเกาะมีที่พักบริการทั้งของเอกชนและกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ส่วนการเดินทางสามารถเช่าเรือจากท่าเรือปากเมงหรือท่าเรือเจ้าไหม ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที

            ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตรัง (ตรัง สตูล) โทรศัพท์ 0 7521 5867, 0 7521 1058

           3. เกาะเหลาเหลียง


            เกาะเหลาเหลียง อยู่ในท้องที่อำเภอปะเหลียน ห่างจากแหลมตะเสะ จังหวัดตรัง ประมาณ 18 กิโลเมตร สามารถลงเรือได้จากอำเภอปะเหลียนหรือที่อำเภอกันตังก็ได้ โดยใช้เวลาเดินทางโดยเรือประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที เป็นหนึ่งในหมู่เกาะของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา มีหาดทรายของเกาะหันหน้าสู่ด้านตะวันออก ตามหน้าหาดจะมีปะการังน้ำตื้น บางส่วนโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอวดความงามยามเมื่อน้ำลง และด้วยเหตุที่เกาะอยู่ใกล้ปากอ่าวจึงได้รับอิทธิพลของตะกอนจากปากน้ำกันตังและปะเหลียน ทำให้น้ำทะเลไม่ใสนัก จึงไม่เหมาะสำหรับการดำน้ำ คงมีเพียงการเดินเล่นชายหาด ถ่ายรูป ชมปะการังน้ำตื้น แต่ความเงียบสงบก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ดึงดูดนักเดินทางได้เป็นอย่างดี สำหรับที่พักบนเกาะก็มีบริการ เช่น Laoliang Island 
            ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตรัง (ตรัง สตูล) โทรศัพท์ 0 7521 5867, 0 7521 1058

           4. เกาะไข่นอก 


            เกาะไข่นอก เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา และอยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตไม่มากนัก มีหาดทรายขาวบริสุทธิ์อยู่ด้านหน้าของเกาะ เหมาะแก่การนอนอาบแดด และมีสันทรายเล็ก ๆ เชื่อมต่อไปถึงโขดหินแห่งหนึ่ง บริเวณนี้เป็นจุดที่ดีในการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ซึ่งมีปะการังมากมายหลากหลายชนิดให้ชม มีปลาสวยงามแหวกว่ายรอให้นักท่องเที่ยวมาให้อาหาร แต่ถ้าใครไม่ได้เตรียมนำอุปกรณ์สำหรับดำน้ำมา บนเกาะมีบริการให้เช่า อีกทั้งบริเวณรอบเกาะสามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ต้องคอยระวังคลื่นลมแรงบ้างเป็นบางวัน และสำหรับใครที่คิดจะไปค้างคืนก็สามารถทำได้ แต่บนเกาะไม่มีที่พักไว้บริการ นักท่องเที่ยวที่อยากจะพักแรมต้องนำเต็นท์มากางเอง ซึ่งบนเกาะไม่มีน้ำจืดให้ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวชอบที่จะไปตื่นตาตื่นใจชมความสวยของเกาะไข่นอกเพียงแค่ประมาณ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น

            ทั้งนี้ จากจังหวัดพังงาสามารถเหมาเรือจากท่าเรือโล๊ะจากเกาะยาวใหญ่ ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที และจากจังหวัดภูเก็ตสามารถซื้อทัวร์ได้จากบริษัทนำเที่ยว หรือเช่าเรือได้จากท่าเรือเกาะสิเหร่ ท่าเรือแหลมหิน หรืออ่าวฉลอง ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที

             5. เกาะพยาม 


            เกาะพยาม จังหวัดระนอง เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 35 ตารางกิโลเมตร อยู่ใกล้เกาะช้าง โดยมีชาวบ้านอาศัยอยู่บนเกาะประมาณ 160 ครัวเรือน ส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนมะม่วงหิมพานต์ สวนยางพารา และประมงชายฝั่ง กิจกรรมบนเกาะจะมีการตกปลา ขี่จักรยานรอบเกาะ และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำดูปะการัง เกาะพยามถือเป็นแหล่งดูปะการังที่สมบูรณ์สวยงาม ส่วนทางด้านทิศตะวันออกของเกาะไม่มีหาดทราย แต่มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน และมีชาวเล เผ่ามอแกนมาอาศัยอยู่เป็นบางครั้ง ซึ่งบนเกาะพยามมีที่พักบริการนักท่องเที่ยว

            การเดินทางสามารถเดินทางโดยเรือหางยาวลงเรือที่ท่าเทียบเรือชาวเกาะ ถนนสะพานปลา (ทางเข้าท่าเทียบเรือติดกับสถานีตำรวจภูธร ตำบลปากน้ำ จังหวัดระนอง) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานชุมพร (ชุมพร ระนอง) โทรศัพท์ 0 7750 1821-2, 0 7750 2775-6

            6. เกาะลันตา 


            เกาะลันตา เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดกระบี่ โดยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยต่อเนื่องมายาวนานกว่าร้อยปี ประกอบด้วย เกาะลันตาใหญ่ และ เกาะลันตาน้อย แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่บนเกาะลันตาใหญ่ ขณะที่เกาะลันตาน้อยเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอเกาะลันตา ด้วยระยะทางที่ห่างไกลจากแผ่นดินเกาะลันตาจึงยังคงความสวยงามของหาดทรายและน้ำทะเลสะอาด อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตของชาวเกาะดั้งเดิม ที่มีทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยจีน ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยใหม่ (ชาวเล) อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ผสานกับความเจริญทางด้านหัวเกาะแถบท่าเรือและชายหาดฝั่งตะวันตก ซึ่งคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว การมาเยือนเกาะลันตาจึงได้เที่ยวหลายบรรยากาศในคราวเดียวกัน

           
 สำหรับแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะลันตาใหญ่ ซึ่งยาวประมาณ 30 กิโลเมตร กว้างประมาณ 6 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยชายหาดยาวเรียงรายต่อเนื่องกันถึง 13 หาดทางฝั่งตะวันตก มีทั้งหาดหินและหาดทราย เพียบพร้อมด้วยที่พักหลากสไตล์ หลายราคาส่วนทางฝั่งตะวันออกคือชุมชนโบราณ ชื่อบ้านศรีรายา ซึ่งตั้งมากว่าร้อยปี มีเสน่ห์ด้วยเรือนแถวไม้หน้าแคบที่ยื่นยาวลึกออกไปในทะเล และวิถีชีวิตสงบงามของชาวบ้าน และยังมีจุดเด่นอยู่ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ตั้งอยู่ที่แหลมโตนด ตรงปลายเกาะ เป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ด้วยผืนป่าดงดิบ มีสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือประภาคารสีขาว ซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเกาะลันตา อีกจุดเด่นหนึ่งคือหมู่บ้านชาวเลหรือชาวไทยใหม่ ชื่อบ้านสังกาอู้ อยู่ทางตอนใต้ของเกาะเป็นชุมชนของชาวเลเผ่าลูโมะลาโว้ย ที่คนไทยภาคกลางเรียกว่าอูรักลาโว้ย พวกเขาตั้งถิ่นฐานบนเกาะลันตามานานหลายชั่วอายุคน

            สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ร้านดำน้ำ ธนาคาร ร้านอาหาร ร้านบริการอินเทอร์เน็ต ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ มีเพียบพร้อมอยู่ที่บ้านศาลาด่าน ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทรศัพท์ 0 7562 2163, 0 7561 2811-2


             7. เกาะปันหยี 



            เกาะปันหยี ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา หมู่ 1 บ้านท่าด่าน ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมือง จังหวัดพังงา เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น มีชุมชนชาวประมงโบราณกว่า 200 ปี ที่อาศัยพื้นที่ราบหลังเกาะปันหยีเป็นที่หลบฝน และตั้งหมู่บ้านน้อย ๆ ขึ้นมา โดยแต่ละบ้านจะยกพื้นสูงเหนือน้ำ ชาวบ้านทั้งหมดเป็นชาวมุสลิม และอุทิศที่ราบเล็ก ๆ ของเกาะปันหยีให้เป็นมัสยิด ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน หากนักเดินทางมาสัมผัสบนเกาะปันหยีแห่งนี้ จะได้ชมวิถีชีวิตพื้นบ้านแบบชาวเลแท้ ๆ ที่มีศาสนาอิสลามหลอมรวมจิตใจผู้คน

            นอกจากนี้ ยังสามารถแวะชมสนามฟุตบอลที่นับว่าเป็นสนามฟุตบอลลอยน้ำที่แรกและที่เดียวในเมืองไทย ซึ่งก่อตั้งโดยสโมสรฟุตบอลแห่งเกาะปันหยี หลายท่านไม่เชื่อว่าบนเกาะมีพื้นที่ราบเพียง 1 ไร่จะสามารถเล่นฟุตบอลได้จริง แต่ทุกวันนี้ความฝันของเด็ก ๆ เป็นจริงเพราะความร่วมแรงร่วมใจของชาวเกาะนั่นเอง อีกทั้งบนเกาะยังสามารถหาปลาหมึกย่างกินได้ทั่วไป รวมทั้งมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย

            ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะปันหยี โทรศัพท์ 0 7644 0425 ต่อ 11 หรือ kohpanyee.go.th


            8. เกาะคอเขา


            เกาะคอเขา ตั้งอยู่ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นเกาะขนาดเล็กยาวประมาณ 15 กิโลเมตร กว้างประมาณ 5 กิโลเมตร ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำตะกั่วป่า มีลักษณะคล้ายสันทราย มีป่าไม้โกงกางทางด้านฝั่งตะวันออกของเกาะ ส่วนทางด้านฝั่งตะวันตกของเกาะหันหน้าออกสู่ทะเลอันดามัน ทางด้านเหนือของเกาะมีภูเขาเตี้ย ๆ ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ นับเป็นเกาะที่ยังคงเงียบสงบ และยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่สูง เหมาะแก่การไปพักผ่อนชิล ๆ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งโบราณคดีที่สำคัญบนเกาะ โดยตั้งอยู่ในบริเวณที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ทุ่งตึก" หรือ "เหมืองทอง" เหตุที่เรียกเช่นนี้คงจะเป็นเพราะว่าในบริเวณนี้มีซากอาคารโบราณสถานอยู่ 3 แห่ง และในบริเวณนี้ยังได้พบฐานเทวรูปเหรียญเงินอินเดีย เศษทองคำ และผงทรายทอง ปัจจุบันโบราณสถานดังกล่าวถูกทำลายไป คงเหลือแต่เพียงซากของฐานก่ออิฐเพียงบางส่วนเท่านั้น
           อย่างไรก็ตาม บนเกาะคอเขามีที่พักอยู่หลายที่ เช่น เกาะคอเขา รีสอร์ท, อนันดาห์ บีช รีสอร์ท และคอเขา ไอซ์แลนด์ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ฯลฯ สามารถเลือกได้ตามความชอบเลยจ้า ส่วนการเดินทางจากท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอตะกั่วป่า 9 กิโลเมตร มีทั้งเรือเฟอร์รี่ที่สามารถขนรถยนต์ข้ามไปยังเกาะคอเขาได้ และเรือโดยสารประจำทาง ที่มีบริการตลอดทั้งวัน

          9. เกาะไหง



           เกาะไหง ที่อยู่ในเขตอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ แต่จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวในกลุ่มของทะเลตรัง เนื่องจากการเดินทางจากจังหวัดตรังสะดวกมากกว่า หาดทรายบนเกาะขาว น้ำทะเลใส มองเห็นปลาหลายพันธุ์หลากสี รอบเกาะปะการังยังสมบูรณ์ อีกทั้งบนเกาะมีที่พักเอกชนบริการหลายแห่ง ส่วนการเดินทางสามารถเช่าเรือจากท่าเรือปากเมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง  สนใจติดต่อบริษัทนำเที่ยวตรัง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานตรัง (ตรัง สตูล) โทรศัพท์ 0 7521 5867, 0 7521 1058

            10. เกาะจำ เกาะปู



           เกาะปู เกาะจำ อยู่ในเขตตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ อยู่ใกล้กับเกาะศรีบอยา ใช้เวลาในการเดินทางจากเกาะศรีบอยาทางเรือโดยสารประมาณ 1 ชั่วโมง ประกอบไปด้วย 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านเกาะปู หมู่บ้านเกาะจำ และหมู่บ้านติงไหร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพาราและประมง ด้วยลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่น เพราะมีหาดทรายที่ค่อนข้างยาวผิดกับบริเวณชายหาดของเกาะอื่น ๆ อีกทั้งวิถีชีวิตของชุมชนที่ยังคงแบบดั้งเดิมไว้ไม่เสื่อมคลาย ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่น่าสนใจ

           ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะศรีบอยา โทรศัพท์ 0 7565 6146 หรือเว็บไซต์ kohsriboya.go.th

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ http://travel.kapook.com/view67557.html

[ท่องเที่ยว] สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในสวนผึ้ง

1. บ้านหอมเทียน

          ถือเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คของอำเภอสวนผึ้งก็ว่าได้ สำหรับ “บ้านหอมเทียน” ประมาณว่าใครไปสวนผึ้งแล้วไม่ได้ไปที่นี่ถือว่าไปไม่ถึงนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะมีเทียนหอมรูปร่างแปลกตาน่ารักน่าชัง ของฝาก และของทำมือดีไซน์เก๋ให้เลือกช้อป เลือกดูกันแล้ว ยังมีกิจกรรมทำเทียน, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, มุมศิลปะอย่าง, วาดภาพเหมือน และบริการนวดแผนไทย ฯลฯ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือมุมโพสท่าถ่ายภาพเก๋ ๆ แจ่ม ๆ ที่มีให้เลือกสรรกันตามใจกันเพียบ

          อัตราค่าบริการ : 40 บาท
          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 
          โทรศัพท์ : 08 1995 8144, 0 2402 8032
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก บ้านหอมเทียน 

 2. อัลปาก้าฮิลล์ สวนผึ้ง


          อัลปาก้าฮิลล์ ฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใหญ่ที่สุดของไทย ดินแดนอันแสนสวยงามซึ่งเต็มไปด้วยอัลปาก้าขนปุย วิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวกว่า 250 ไร่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น ป้อน กอด และหยอกล้อกับสัตว์ที่เป็นมิตรอันหลากหลาย ทั้งอัลปาก้า จิงโจ้แคระ กระต่ายยักษ์ หนูตะเภา และอื่น ๆ อีกมากมาย อ๊ะ ๆ แต่เนื่องจากมีผู้ให้ความสนใจเข้าชมน้องอัลปาก้าเป็นจำนวนมาก เกินกว่าที่กำหนดไว้ต่อวัน (เพียง 200 ท่าน/วัน) อัลปาก้าฮิลล์จึงจะรับลูกค้าผ่านระบบทางการจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เท่านั้น (สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08 0821 2108/08 1145 9565)

          อัตราค่าบริการ : บัตรธรรมดา 190 บาท, บัตร VIP 290 บาท, บัตร VIP EXPRESS 390 บาท และบัตร YEAR PASS 500 บาท หรือดูรายละเอียดได้ที่ alpacahill.com
          ที่อยู่ : 357 หมู่ 8 ถนนผาปก-ตะโกล่าง ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 0821 2108 และ 08 1145 9565
          วันเวลาเปิด-ปิด : วันศุกร์ เวลา 09.30-18.00 น., วันเสาร์ เวลา 09.00-18.30 น. และอาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.
          เว็บไซต์ : alpacahill.com

 3. ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์



          ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรในรูปแบบที่ไม่เหมือนใครในอำเภอสวนผึ้ง ที่ทุกท่านต้องมาสัมผัสด้วยตัวท่านเอง (ไม่เสียค่าเข้าชม) และทางไร่ยังได้มีบริการสถานที่กางเต็นท์ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและมีความเป็นธรรมชาติอีกด้วย สำหรับการเดินทางจากหน้าอำเภอสวนผึ้งตรงมาตามเส้นทางหลัก 14 กิโลเมตร จะเจอสามแยกที่มีป้อมตำรวจ ให้เลี้ยวขวาและตรงเข้ามาอีก 4 กิโลเมตร ไร่อยู่ซ้ายมือ

          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 
          โทรศัพท์ :  08 1017 0704 และ 08 1007 0668
          เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ไร่องุ่นปัญญาสวรรค์ อ.สวนผึ้ง


 4. ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto



          ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto พร้อมแล้วที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งผู้ที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนอันแสนโรแมนติก และศูนย์การค้าสุดอลังการกับรูปแบบของอาคารและร้านค้าที่ออกแบบมาอย่างลงตัว เพื่อความสนุกสนานในการจับจ่าย และเลือกซื้อสินค้า โดยร้านค้าตลาดน้ำ Veneto ถูกออกแบบอย่างมีสไตล์และมีเอกลักษณ์ ภายใต้กลิ่นอายอันแสนโรแมนติกของ Santorin ด้วยความโดดเด่นของตัวอาคารสีขาวสะอาดตาตัดกับสีน้ำเงินสด ท่ามกลางเทือกเขาที่เขียวขจีจนมีเอกลักษณ์และรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังได้ตื่นตาและเพลิดเพลินกับการเก็บภาพความประทับใจของลานน้ำพุ หอระฆัง และสวนหย่อม โดยจะเริ่มเปิดให้ท่องเที่ยวเดือนตุลาคม 2556

          อัตราค่าบริการ : สอบถามโดยตรงจากทางตลาดน้ำ
          ที่อยู่ : อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  09 1561 8848
          เว็บไซต์ : venetosuanphueng.com และ เฟซบุ๊ก ตลาดน้ำสวนผึ้ง Veneto 


 5. กล้วยไม้ออร์คิด



          ใครชอบกล้วยไม้ไม่ควรพลาดกับ “สวนผึ้งออร์คิด” ศูนย์รวมแวนด้า แอสโดเซนด้า ลูกผสมหลากสีสวยงาม มีให้เลือกกันอย่างมากมาย ชอบต้นไหนก็ซื้อกลับบ้านได้เลย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยยันหลักพัน สถานที่สะอาด บรรยากาศสบาย โดยมีเจ้าของร้านใจดีอย่าง พี่เล็ก อนุโพธิ์ พรายมณี ที่ให้การต้อนรับพร้อมแนะนำให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับต้นกล้วยไม้เป็นอย่างดี พร้อมจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ทั้งนี้ ตอนนี้ทางสวนได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมสร้างทางเดินเป็นแพในบ่อเลี้ยงปลา สำหรับผู้ที่ต้องการไปให้อาหารปลากลางบ่อ เป็นอีกจุดหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่อยากเดินชมสวนจ้า

          อัตราค่าบริการ : เปิดให้เข้าชมฟรี
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : 313/2 หมู่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี    
          โทรศัพท์ :  0 3271 1230
          เว็บไซต์ : suanpheungorchids.com และ เฟซบุ๊ก Suanpheungorchids-สวนผึ้งออร์คิด 

 6. จุดชมวิวห้วยคอกหมู  

          สุดเขตดินแดนสยาม สูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตร เป็นพื้นที่ของฐานปฏิบัติการห้วยคอกหมูร้อย ตชด.137 แต่เดิมเป็นช่องทางการค้าไม้ที่รับการสัมปทานการค้าระหว่างไทย-พม่า ปัจจุบันนี้การค้าระหว่างไทย-พม่าได้ถูกยกเลิกไปแล้ว เส้นทางนี้จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวชมวิวภูเขาและชายแดนไทย-พม่า อีกทั้งบนจุดชมวิวห้วยคอกหมูนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภูมิประเทศอันสวยงามของเทือกเขาตะนาวศรีและชายแดนพม่า พร้อมกับสัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นและนกนานาชนิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุมหนาแน่นดุจดั่งทะเลหมอก สวยงามไม่แพ้ภาคเหนือ ขณะที่ในวันท้องฟ้าโปร่งจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงาม

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานเพชรบุรี (เพชรบุรี, ราชบุรี) โทรศัพท์ 0 3247 1005-6, 0 3247 1502 เวลา 08.30-16.30 น.


 7. ธารน้ำร้อนบ่อคลึง



          เดินทางจากตัวอำเภอสวนผึ้งไปประมาณ 5 กิโลเมตร จะพบแยกเข้าสู่ธารน้ำร้อนบ่อคลึงตรงไปอีก 10 กิโลเมตร บ่อคลึงเป็นธารน้ำร้อนธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี จะมีน้ำไหลอยู่ตลอดปี เป็นน้ำร้อนบริสุทธิ์ อุณหภูมิของน้ำประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์ ในช่วงฤดูหนาวยามเช้าไอน้ำร้อนจะลอยกรุ่นเป็นหมอกสวยงาม มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติและสระน้ำกระเบื้องสำหรับอาบน้ำร้อนธรรมชาติ

          อัตราค่าบริการ : ค่าอาบน้ำแร่สำหรับบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ คนไทย 30 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท สระน้ำกระเบื้อง คนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท
          วันเวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : บ้านห้วยผาก หมู่ที่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  0 3232 9025, 0 3271 1086
          เว็บไซต์ : bkhotspring.com

 8. พิพิธภัณฑ์ภโวทัย หรือสวนภูมิปัญญาชาวบ้าน



          จากหน้าสถานีตำรวจสวนผึ้งแยกซ้ายไปประมาณ 2 กิโลเมตร ผ่านวัดสวนผึ้งแล้วแยกขวาข้ามสะพานไปก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ภโวทัย หรือสวนภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือ มีลักษณะเป็นเรือนไทยประยุกต์ รวบรวมวัตถุโบราณในอดีต รถม้า รวมทั้งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับของไทยชนิดต่าง ๆ ทั้งนี้ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว

          อัตราค่าบริการ :  อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-17.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์
          ที่อยู่ : 94 ถนนสายสวนป่าสิริกิติ์-สวนผึ้ง ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  0 3239 5192

 9. เขากระโจม



          เขากระโจม ห่างจากอำเภอสวนผึ้งประมาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากจังหวัดราชบุรีประมาณ 100 เป็นยอดเขาสูงสุดในเทือกเขาตะนาวศรี อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,045 เมตร มีลักษณะรูปร่างของภูเขาคล้ายกระโจม ซึ่งเป็นคำพูดติดปากของชาวบ้านที่เมื่อก่อนบริเวณนี้มีการทำเหมือง เวลาใครเห็นเขาลูกนี้ก็มักเรียกว่า "เขากระโจม" (จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน) โดยนับเป็นจุดชมทะเลหมอกที่ได้รับความนิยมมาก เพราะใกล้กรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นภูเขาแบ่งเขตแดนระหว่างไทยและพม่า เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบธรรมชาติป่าเขาและรักการผจญภัย เป็นขุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่สวยงามของสวนผึ้ง หากวันไหนฟ้าฝนเป็นใจในยามเช้าก็จะได้เห็นทะเลหมอกงดงามมาก ทั้งนี้ การจะขึ้นไปชมความงามของทิวทัศน์บนเขากระโจม ต้องใช้รถ 4x4 ขึ้นไปเท่านั้น โดยสามารถใช้บริการรถจากชมรม "รักษ์เขากระโจม สวนผึ้ง" เฟซบุ๊ก กลุ่มรักษ์เขากระโจม สวนผึ้ง (กลุ่มรักเขากระโจม) อำเภอสวนผึ้ง ได้

          ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานเพชรบุรี (เพชรบุรี, ราชบุรี) โทรศัพท์ 0 3247 1005-6, 0 3247 1502 เวลา 08.30-16.30 น.

 10. น้ำตกเก้าชั้น


          น้ำตกเก้าชั้น หรือเก้าโจน (เก้ากระโจน) ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง เลยจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสูง 9 ชั้น ตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขา มีน้ำตลอดปีปริมาณน้ำจะมากในชั้นบน ๆ  หินบริเวณน้ำตกเป็นหินแกรนิต แต่เดิมน้ำตกนี้รู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชาวกะเหรี่ยง ต่อมาบริษัทต่างชาติเข้ามารับสัมปทานเหมืองแร่เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2484 จากนั้นเมื่อหมดสัมปทานทางอำเภอและกลุ่มองค์กรท้องถิ่นจึงได้เข้ามาดูแลพื้นที่ ซึ่งการเดินไปชมน้ำตกจากลานจอดรถเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงบริเวณน้ำตกชั้นล่าง ซึ่งสามารถเดินเท้าขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

          อัตราค่าบริการ : ค่าเข้าชมรถยนต์ รถตู้ รถปิกอัพ คันละ 30 บาท รถบัส 100 บาท
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น.
          ที่อยู่ : บ้านห้วยผัก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ :  ททท. สำนักงานเพชรบุรี (เพชรบุรี, ราชบุรี) โทรศัพท์ 0 3247 1005-6, 0 3247 1502 เวลา 08.30-16.30 น.


 11. โป่งยุบ


          โป่งยุบ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของชาวบ้าน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีลักษณะแปลกตา ในเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินทำให้เกิดลักษณะโตรกผาคล้ายกับแพะเมืองผีจังหวัดแพร่ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก การเกิดขึ้นของโป่งยุบสันนิษฐานว่าเกิดจากการกัดเซาะของน้ำ ทำให้แผ่นดินยุบตัวลงแล้วกลายเป็นหน้าผาสูงชัน โดยเป็นพื้นที่ของเอกชน

          อัตราค่าบริการ : 40-400 บาท แล้วแต่จำนวนคนและขนาดของรถ หากมาเป็นหมู่คณะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนเข้าชม
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : เลขที่ 99 หมู่ 6 บ้านท่าเคย ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 0 1256 2550


 12. บ้านไร่พรสวรรค์



          นอกจากบ้านไร่พรสวรรค์จะมีที่พักบริการแล้ว ยังมีทุ่งทานตะวันกว่า 50 ไร่ ให้ได้ไปถ่ายรูปเก๋ ๆ กัน อ๊ะ ๆ แต่ดอกทานตะวันจะบานตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมจนถึงปลายเดือนมกราคม รวมถึงจะมีความแตกต่างจากที่อื่น ๆ คือจะมีการทำเกษตรควบคู่ไปกับรีสอร์ทด้วย ถ้าคุณเดินทางมาพักก็จะได้ชมวิธีการทำเกษตรและทุ่งทานตะวันไปด้วย หรือจะไปเล่น Zorb Ball เครื่องเล่นนี้ทางจะพาคุณกลิ้งลงจากเนินในความยาวระยะทางประมาณ 70 เมตร ด้วยความยาวระยะนี้จะทำให้สนุกและตื่นเต้น และปิดท้ายด้วยสนุกสนานกับการโหนสลิงในระยะทางกว่า 150 เมตร รับรองปลอดภัยและเสียวแน่นอน

          อัตราค่าบริการ : สอบถามจากทางรีสอร์ท
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน
          ที่อยู่ : 151 หมู่ที่ 4 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 51913023, 09 1604 6094
          เว็บไซต์ : pornsawun.com และ เฟซบุ๊กบ้านไร่พรสวรรค์ สวนผึ้ง กิจกรรมสวนผึ้ง กางเต็นท์สวนผึ้ง

รีสอร์ทเก๋ ๆ มีกิจกรรมแจ่ม ๆ ให้ทำ

 13. The Scenery Vintage Farm



          สถานที่ท่องเที่ยวแบบ One Day Trip ไม่มีที่พักค้างคืน ให้บริการเยี่ยมชมฟาร์ม, ให้อาหารน้องแกะ, มีร้าน Honey Scene ที่ให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม ไอศกรีม และขนม, ให้บริการถ่ายรูปแบบวินเทจ, มีซุ้มเกมการละเล่นต่าง ๆ มากมาย เช่น ยิงธนู ยิงเป้า, มีร้าน Sheepie Sheep จำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าที่ระลึก สินค้าตกแต่งบ้าน สินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ เช่น น้ำผึ้ง

          อัตราค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท (เอาบัตรไปแลกหญ้าได้คนละ 1 กำ)
          วันเวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-18.00 น. วันเสาร์, วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-18.30 น.
          ที่อยู่ : 234 หมู่ 7 อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 1000 6677 (ในเวลา 08.30-16.30 น.)
          เว็บไซต์ : sceneryvintagefarm.com และ เฟซบุ๊ก The Scenery Vintage Farm 


 14. New Land



          Newland เป็นดินแดนแห่งความสุขที่จะพาคุณย้อนกลับไปสนุกสดใสเหมือนในวัยเด็กอีกครั้ง กับกิจกรรมที่คอยต้อนรับมากมาย ทั้งขบวนรถไฟเล็กแสนสนุกที่จะพาไปชมบรรยากาศรอบ ๆ ไร่ ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่สถานีเลี้ยงแกะ ที่รอให้คุณหนู ๆ มาป้อนนม ให้อาหาร และอุ้มถ่ายรูปกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม ATV ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ กิจกรรมยิงธนู สำหรับนักท่องเที่ยวขาลุย ซุ้มเล่นเกมต่าง ๆ และมุมสวย ๆ ไว้ถ่ายรูปอวดเพื่อนสำหรับคนที่รักการถ่ายรูป รวมถึงร้านอาหารและโซนของฝากที่คัดสรรแต่ของอร่อยมีคุณภาพมาเป็นอย่างดี เอาใจนักท่องเที่ยวขาช้อปที่ต้องการของติดไม้ติดมือกลับบ้าน

          อัตราค่าบริการ : รถไฟ ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 40 บาท, เลี้ยงแกะ 40 บาท, ATV กลาง (นั่ง 1 ท่าน) 200 บาท 3 รอบสนาม ใหญ่ (นั่ง 2 ท่าน) 300 บาท 3 รอบสนาม ลุยป่า 600 บาท, ยิงธนูชุดละ 100 บาท, ยิงปืนหน้าไม้ชุดละ 100 บาท และยิงปืนชุดละ 100 บาท ทั้งนี้ มีราคาสำหรับคณะทัวร์ (ติดต่อล่วงหน้า)
          วันเวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น.
          ที่อยู่ : 214 หมู่ 2 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 0111 5892 และ 08 9746 4215
          เว็บไซต์ : newlandthai.com และ เฟซบุ๊ก Newland สวนผึ้ง ราชบุรี 


 15. Feraza Farm



          ไม่ต้องบินไปไกลถึงนิวซีแลนด์คุณก็จะได้สัมผัสกับทุ่งหญ้าและเนินเขาที่สวยงาม อากาศเย็นสบาย พบบรรยากาศแห่งทิวเขาตะนาวศรีที่ทอดยาวกั้นเส้นขอบฟ้า พร้อมกับฟาร์มแกะนับร้อยตัวได้ ณ Feraza Farm ฟาร์มที่เข้าใจถึงความต้องการที่จะสัมผัสกับความสงบและผ่อนคลายที่เจือไปด้วยความสนุกสนาน ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถร่วมสนุกด้วยกันได้ เพราะคุณจะได้คุณเพลิดเพลินอย่างเต็มที่กับวันพักผ่อน เช่น การขับรถ ATV ในทุ่งกว้าง, เยี่ยมชมฟาร์มแกะ (สัมผัสกับแกะได้อย่างใกล้ชิด), กิจกรรมตามฤดูกาล และลิ้มรสอาหารที่ FERAZA RESTAURANT

          ที่อยู่ : 1/4 หมู่ 10 ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 6884 2285 และ 08 9811 8389
          เว็บไซต์ : ferazafarm.com และ เฟซบุ๊ก Feraza Farm 

 16. โมอาย สวนผึ้ง



          โมอาย สวนผึ้ง อยู่ติดถนนใหญ่ทางหลวงเส้นหลักเข้าอำเภอสวนผึ้งด้านขวามือ ซึ่งเป็นมากกว่าคำว่า "ร้านกาแฟ" เพราะมีทั้ง โมอาย คอฟฟี่ (Moai Coffee) และ โมอาย ฟาร์มแกะ (Moai Sheep Farm) ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอสวนผึ้ง ที่มีรูปแบบแปลกใหม่ สะดุดตา ซึ่งนอกจากที่นี่จะให้ความเพลิดเพลินในการท่องเที่ยว พักผ่อน ชมวิว และดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดที่เรียกความสนใจให้ลูกค้าหันมาสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของอารยธรรม สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่ได้รับการยกเป็นมรดกโลกอย่างโมอายอีกด้วย และนอกจากกาแฟและเครื่องดื่มยังมีสินค้าอื่น ๆ ให้เลือกซื้อสำหรับซื้อเป็นของขวัญและของฝาก

          วันเวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.
          ที่อยู่ : 9/9 หมู่ 10 ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 1986 6554
          เว็บไซต์ : moai-coffee.com และ เฟซบุ๊ก Moai Coffee


 17. สวนผึ้งรีสอร์ท



          สวนผึ้ง รีสอร์ท ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งโอบล้อมด้วยทิวทัศน์อันงดงามแห่งขุนเขาอันเขียวขจี ท้องฟ้าสีครามใส และอากาศอันบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับทุกคนในครอบครัว เช่น ชิงช้าสวรรค์, ATV, เรือถีบยุคหิน และ Zorb ball & WaterBall เป็นต้น สำหรับที่พักก็ดีไซน์เก๋ไก๋และมีหลากหลายแบบให้เลือกเข้าพักตามความชอบ โดยความน่ารักน่าชังของตัวรีสอร์ทยังทำให้ใครที่ผ่านไปผ่านมาอยากไปยืนโพสท่าถ่ายภาพสวย ๆ กับดินแดนโลกการ์ตูนมนุษย์หินอีกด้วย

          อัตราค่าบริการ : 40 บาท
          วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เข้าพักเข้าชมได้ในเวลา 12.00-14.00 น.
          ที่อยู่ : 222 หมู่ 2 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 5666 6866, 0 3271 1046
          เว็บไซต์ : suanpeungresort.com และ เฟซบุ๊ก สวนผึ้งรีสอร์ท 


 18. Bellissimo Café & Resort
          


          Bellissimo Café & Resort ตั้งอยู่ใจกลางของอำเภอสวนผึ้ง ที่คุณจะได้สัมผัสและดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์อันแสนงดงามในแบบ 360 องศา อีกทั้งยังได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นทรงของห้องพักซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่น พร้อมด้วยการตกแต่งภายในในสไตล์วินเทจ รวมไปถึงบรรยากาศโดยรอบของรีสอร์ทที่ทั้งสวยงามทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่ทุกคนสามารถทำร่วมกันได้ เช่น กิจกรรมการให้อาหารแกะ พร้อมทั้งได้ถ่ายรูปกับน้องแกะอย่างใกล้ชิด หรือนั่งจิบกาแฟชิล ๆ พร้อมทานโฮมเมดเบเกอรี่ที่แสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก ครอบครัว หรือแม้แต่ผู้สูงอายุ ล้วนแล้วแต่สนุกกับกิจกรรมเหล่านี้

          อัตราค่าบริการ : เข้าชมฟาร์มแกะ 40 บาท
          วันเวลาเปิด-ปิด : ร้านกาแฟและฟาร์มแกะเปิดให้บริการวันเสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-17.00 น.
          ที่อยู่ : 138 หมู่ 2 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
          โทรศัพท์ : 08 9897 9839
          เว็บไซต์ : bellissimo-suanpeung.com และ เฟซบุ๊ก Bellissimo Cafe & Resort 



Thanks http://travel.kapook.com/view68925.html

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

[ท่องเที่ยว] สินมานะฟาร์มสเตย์

          สินมานะฟาร์มสเตย์ คือ ฟาร์มสเตย์กลางทะเลที่มีชื่อเสียงของอ. บ้านดอน จ. สุราษฎร์ธานี เจ้าของคือ คุณสมชาย สินมา เจ้าของธุรกิจฟาร์มเลี้ยง หอยแครงและหอยนางรม ในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สินมานะ ฟาร์มสเตย์ เป็นฟาร์มเลี้ยงหอยนางรม และหอยแครง เป็นแหล่ง เรียนรู้และศึกษาการเลี้ยงหอย การวางอวน การเก็บ หอยเพื่อส่งขาย นอกจากนี้ให้บริการที่พักแบบฟาร์มสเตย์เพื่อสัมผัสธรรมชาติรับลมเย็น กลางทะเลอีกด้วย มีมุมนั่งพักชมวิถีชีวิตของชาวประมง ชิมหอยนางลมสด และ อาหารทะเลผลผลิตจากฟาร์ม กิจกรรมเรียนรู้และถ่ายทอดความรู้ เช่น มีการสาธิตวิธีการเลี้ยงหอยนางรม การเเกะหอยนางรมและรับประทานหอยนางรมอย่างถูกวิธี สะอาดและปลอดภัย มีมัคคุเทศก์ท้องถิ่น บรรยายเรื่อง วิถีชีวิตชาวประมง นอกจากจะให้ความรู้แล้วยังมีกิจกรรม เพื่อความบันเทิงเช่น การแสดงหนังตะลุงและกิจกรรมสันทนาการของนักท่องเที่ยว
รายละเอียดการท่องเที่ยวสินมานะฟาร์มสเตย์
1. แบบไปเช้าเย็นกลับไม่ค้างคืน (จะมีให้เลือก 2ช่วงเวลาคือ ทานมื้อกลางวัน/มื้อเย็น)
- ออกเดินทางจากท่าเรือสินมานะฟาร์ม มุ่งหน้าสู่ ขนำ(ฟาร์มกลางทะเล) โดยมีเรือรับส่งจากท่าเรือถึงฟาร์มเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ มีที่นั่ง สะดวกสบายโดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตลอดสองข้างทาง ท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ และวิถีชีวิตชาวเลของอ่าวบ้านดอน โดยจะมีมัคคุเทศก์ ท้องถิ่นเป็นผู้บรรยาย
- เมื่อถึงขนำ(ฟาร์มกลางทะเล) จะมีอาหารเลี้ยงรับรองเป็น แบบบุฟเฟ่ ซีฟูดทะเล
- มีการบรรยาย สาธิต วิธีการเลี้ยงหอยนางรม การแกะหอยนางรม และรับประทานหอยนางรมอย่างถูกวิธี(โดยจะมีหอยนารมสดๆ จากทะเล ให้ชมและชิมกันอย่างจุใจ)
- หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็จะมี กิจกรรมร้องเพลงคาราโอเกะ เป็นกิจกรรมแห่งความสุข ปิดท้ายรายการ จากนั้น เดินทางกลับโดยมีเรือ รับจากขนำกลับสู่ฝั่ง(ท่าเรือสินมานะฟาร์ม)
กิจกรรม ทั้งสิ้นจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
2. กิจกรรมนอนขนำชมดาวกลางทะเล (ค้างคืนที่สินมานะฟาร์ม 1 คืน)
- ออกเดินทางจากท่าเรือสินมานะฟาร์ม มุ่งหน้าสู่ ขนำ(โดยปกติจะเป็นช่วงเย็น) โดยมีเรือรับส่ง จากท่าเรือถึงฟาร์มเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ มีที่นั่งสะดวกสบาย โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตลอดสองข้างทาง ท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ และวิถีชีวิตชาวเล ของอ่าวบ้านดอน โดยจะมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเป็นผู้บรรยาย และให้ข้อมูลในระหว่างการนั่งเรือ
- เมื่อถึงขนำ(ฟาร์มกลางทะเล) จะมีอาหารเลี้ยงรับรองเป็น แบบบุฟเฟ่
- มีการบรรยาย สาธิตวิธีการเลี้ยงหอยนางรม การแกะหอยนางรม และรับประทานหอยนางรมอย่างถูกวิธี(โดยจะมีหอยนารมสดสดจากทะเล ให้ชมและชิมกันอย่างจุใจ)
- หลังจากรับประทานอาหารเสร็จในช่วงหัวค่ำก็จะมี กิจกรรมการแสดงหนังตะลุงพื้นบ้านโดย หนังตะลุงคณะ เทพสิน ผ่องแก้ว หนังตะลุง สามภาษา มหาบัณฑิต ผู้แสดงจะเป็น เยาวชนจากในชุมชน ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็จะเป็นกิจกรรมพักผ่อนตามอัธยาศัย
- อาหารมื้อเช้าเป็นข้าวต้มซีฟูด พร้อมทั้ง ชากาแฟ ขนมบังไว้ให้บริการ หลังทานอาหารเช้าเสร็จ จะมีเรือมารับที่ขนำเพื่อเดินทางกลับสู่ท่าเรือ

ติดต่อสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สินมานะฟาร์มสเตย์ (คุณสมชาย สินมา) 081-597-7575 สัมผัสกับการนอนพักกลางทะเล ค่าบริการ 800 บาท/ท่าน (ที่พัก 1 คืน อาหารทะเล 2 มื้อ และ นำเที่ยวตลอดรายการ) ที่พักรับตั้งแต่ 10 - 200 คน ถ้าไม่ค้างคืนก็เพียง 400 บาท/ท่าน (อาหารทะเล 1 มื้อ)

[ท่องเที่ยว] การเดินทางไปเกาะเต่า

1. จากจังหวัดชุมพรใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
เรือเร็วลมพระยา 
ขึ้นที่ท่าเรือลมพระยา เลยโรงแรมโซฟิเทล ชุมพร บริการเดินเรือเส้นทางชุมพร-เกาะเต่า วันละ 2 เที่ยวเที่ยวแรก 7:00 เช้าและ 12.30 น. ราคา 600 บาท/เที่ยว มีบริการ รถ-เรือ รถจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ทุ่มบริเวณ ถนนข้าวสาร ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 0 7745 6176 (สาขาเกาะเต่า) หรือที่ สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0 2629 2569-70 หรือที่เว็บไซต์ www.lomprayah.com
เรือด่วนบริษัท ส่งเสริม
- ชุมพร–เกาะเต่า เรือออกจากท่าเรือส่งเสริม เวลา 24.00 น. ถึงเกาะเต่า เวลา 06.00 น. ค่าโดยสารคนละ 500 บาท
- เกาะเต่า-ชุมพรเรือออกจากเกาะเต่า เวลา 10.00 น. ถึงชุมพร เวลา 15.00 น. ค่าโดยสารคนละ 400 บาท
เรือด่วนเอกวิญญ์
- ชุมพร-เกาะเต่า เรือออกจากชุมพร เวลา 07.30 น. ถึงเกาะเต่า เวลา 10.30 น. ค่าโดยสารคนละ 400 บาท
- เกาะเต่า-ชุมพร เรือออกจากเกาะเต่า เวลา 11.00 น. ถึงท่าเรือเอกวิญญ์ (เชิงสะพานท่ายาง) จังหวัดชุมพร เวลา 14.00 น. ค่าโดยสารคนละ 400 บาท
สอบถามข้อมูลการเดินเรือได้ที่ บริษัท เอกวิญญ์ จำกัด โทร. 0 7650 1821
2. จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี
- เรือเร็วลมพระยา
เกาะสมุย-เกาะเต่า เรือออกเวลา 8.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.45 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 600 บาท
เกาะพงัน-เกาะเต่า เรือออกเวลา 8.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.15 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 450 บาท
ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 0 7745 6176 (สาขาเกาะเต่า)
- เรือซีทรานเรือออกจากเกาะสมุยเวลา 8.00 น. และ 13.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ขากลับเรือออกจากเกาะเต่าเวลา 9.30 น. และ 15.00 น.
จากเกาะพะงันเรือออกเวลา 8.30 น. และ 14.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง ขากลับเรือออกจากเกาะเต่าเวลา 11.00 น. และ 16.30 น.
โทร 02-240-2582 http://www.seatrandiscovery.com
เรือด่วนบริษัท ส่งเสริม
- เกาะสมุย-เกาะเต่า ระยะทาง 74 กิโลเมตรเรือออกจากเกาะสมุย ที่ท่าเรือหน้าทอน เวลา 09.00 น. 11.00 น.และแวะพักรับผู้โดยสารที่เกาะพะงัน เวลา 10.00 น., 12.00 น. เป็นเวลา 20 นาทีและเดินทางต่อไปยังเกาะเต่า ค่าโดยสารคนละ 350 บาท

3. จากกรุงเทพ
      บริษัทท่าเรือเร็วลมพระยา มีบริการตั้งแต่กรุงเทพถึงเกาะเต่า รถ + เรือ โดยไปขึ้นรถได้ที่ถนนข้าวสาร รถออกเวลา 21.00 น. ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 11.45 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 1,050 บาท
หมายเหตุ: เวลาเดินเรือและค่าโดยสารอาจมีการเปลี่ยนแปลง

ขอบคุณข้อมูลจาก http://paiduaykan.com/province/south/suratthani/kohtao.html

[ท่องเที่ยว] การเดินทางไปเกาะสมุย

จากกรุงเทพท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสัก

1.โดยรถยนต์ส่วนตัว
กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ใช้เส้นทางสายธนบุรี–ปากท่อ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 แล้วใช้ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ถึงสุราษฎร์ธานี ระยะทางประมาณ 644 กิโลเมตร อัตราค่าโดยสารสำหรับรถยนต์โดยสารธรรมดา ราคา 211 บาท และ รถยนต์ โดยสารปรับอากาศ ราคา 295 บาท เดินทางต่อจนถึงอำเภอดอนสัก ถึงท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสัก ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร

2.เครื่องบิน
โดยสายการบินของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จากกรุงเทพฯ–สุราษฎร์ธานี และของบริษัท บางกอก แอร์เวย์ จำกัด เปิดบริการเที่ยวบิน กรุงเทพฯ–เกาะสมุย ไปกลับทุกวันใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที

3.รถไฟ
ภายในตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่มีสถานีรถไฟฉะนั้นผู้ที่ต้องการเดินทางมายังสุราษฎร์ธานีจะต้องลงสถานี ปลาย ทางพุนพิน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 12 กิโลเมตร บริการของการรถไฟมีทั้งตู้โดยสาร แบบ ธรรมดาแบบที่นั่งปรับอากาศ,ตู้นอนทั้งพัดลมและปรับอากาศ เดินทางไปกลับวันล่ะ 10 เที่ยวใช้เวลา เดินทาง ประมาณ 12 ชั่วโมง ข้อแนะนำ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเดินทางมากเกินความจำเป็น ควรเลือกเที่ยวรถไฟ ให้สัมพันธ์กับเวลาเดินเรือ * กรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ขบวนที่ 167 รถเร็วสายกรุงเทพฯ-กันตัง ออกจากสถานี หัวลำโพงเวลา 18.20 น. ถึงสุราษฎร์ธานีประมาณ 06.10 ขบวนที่ 85 รถด่วน สายกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ออกจากสถานีหัวลำโพงเวลา 19.15 น. ถึงสุราษฎร์ธานีประมาณ 07.09 น.

* สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ ขบวนที่168 รถเร็วสาย กันตัง-กรุงเทพฯ ออกจากสถานีรถไฟพุนพิน สุราษฎร์ธานีเวลา 17.37 น. ถึงสถานีหัวลำโพงเวลาประมาณ 06.05น. ขบวนที่ 86 รถด่วน สายนครศรีธรรมราช - กรุงเทพฯออกจากสถานีรถไฟพุนพิน สุราษฎร์ธานี เวลา18.20 น. ถึงสถานีหัวลำโพงประมาณ 07.15 น.
4. รถโดยสารปรับอากาศ
มีรถให้บริการเดินทางจากกรุงเทพ-สมุย คือโดยรถจะข้ามเรือไปพร้อมกับผู้โดยสาร (ผู้โดยสารลงจากรถนั่งบน เรือต่อและ เมื่อถึงท่าเรือก็ขึ้นรถทัวร์นั่งจากสมุยไปยังท่ารถขนส่งไปยังท่าเรือเฟอรี่ที่เกาะสมุยเลย) มี 2 บริษัท ที่ให้บริการ
- รถทัวร์ของบริษัทขนส่งจำกัด เที่ยวไปมี 2 เที่ยว คือ 19.00 น. และ 20.00 น. เที่ยวกลับมี 2 เที่ยวคือ 15.30 น. และ 16.30 น. โทร 0 2435 1199, 0 2435 1200
- บริษัท สมบัติทัวร์(VIP32 ที่นั่ง)เที่ยว ไป มี 1เที่ยว คือ 20.00 น.เที่ยวกลับมี 1 เที่ยว คือ 15.30 น.โทร 02-553 1753
การเดินทางจากท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสักไปยังเกาะสมุย
1. ท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสักไปยังเกาะสมุย
สามารถใช้บริการข้ามเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือดอนสัก โดยจะมีเรือออกทุกชั่วโมง รอบแรกเริ่ม 6.00 น. และรอบสุดท้ายเวลา 16.00 น. บาท/เที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที
- ซีทรานส์ เฟอร์รี่ ลงเรือที่ท่าเรือดอนสัก สามารถนำรถยนต์ข้ามได้ คลิ๊กดูตารางเรือ โทรศัพท์ 0 7742 6000-2
,0 7723 8129,0 7725 1555
- ราชาเฟอร์รี่ลงเรือที่ท่าเรือดอนสัก สามารถนำรถยนต์ข้ามได้ โทรศัพท์ 0 7747 1151-3, 0 7741 5230-3
2.การเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือขนอมอ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช
(สอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัทเฟอร์รี่ไลน์ จำกัด สาขาสุราษฎร์ธานี โทร.077 285 124-6 สาขาขนอม โทร 081 676 3050 ,4514420)
3.เรือนอน (เรือธรรมดา) จากท่าเรือบ้านดอน อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
เที่ยวไป ออกจากสุราษฎร์ธานีเวลา 23.00 น. ถึงเกาะสมุยเวลาประมาณ 05.00 น. เที่ยวกลับ ออกจากเกาะสมุย เวลา 21.00 น. ถึงสุราษฎร์ธานีเวลาประมาณ 04.00 น. (สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร.081 970 0873)
การเดินทา่งท่องเที่ยวภายในเกาะสมุย
นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการของรถสองแถวที่วิ่งรอบหาดไปเที่ยวยังหาดต่างๆ ราคาประมาณ 30-60 บาท หรือจะเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวซึ่งจะสะดวกกว่า เพราะสามารถลัดเลาะไปเที่ยวตามชายหาดต่างๆ ได้ ค่าเช่าวันละ 200-250 บาท ซึ่่งส่วนใหญ่ตามรีสอร์ทที่พักจะมีให้บริการ หรือจะเช่ารถยนต์ ขับเที่ยวรอบเกาะได้
บริษัททัวร์ที่ให้บริการท่องเที่ยวไปยังเกาะต่างๆ
- บริการนำเที่ยวหมู่เกาะอ่างทอง บ. ไฮซีทราเวล
- บริการนำเที่ยวเกาะเต่าเกาะนางยวน บ. ซีทรานทราเวล , ลมพระยา

เที่ยวอะไรในเกาหลี !!

เที่ยวอะไรในเกาหลี !!

      1.กรุงโซล มีพระราชวังหลักทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วยพระราชวังเคียงบกที่ใหญ่โตที่สุด, พระราชวังชางด็อกคุงที่สวยงามที่สุด, ศาลเจียวชงเมียว ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก, วัดโชเกชา, วัดพงอึนชา, พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเกาหลี, อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี, พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านและหมู่บ้านของเกาหลีในอดีต รวมทั้งตลาดดังอีกหลายๆแห่งที่พลาดไม่ได้ไล่ตั้งแต่ ตลาดทงแดมุน ตลาดนัมแดมุน ตลาดเมียงดง ตลาดอินซาดง ตลาดอิเทวอน
• ถ้าชอบสวนสนุกก็มีทั้งเอเวอร์แลนด์ ลอตเต้เวิลด์ ที่สนุกได้ไม่เบื่อทั้งวัน
• ถ้าชอบเดินห้างก็มีห้างใหญ่ไฮโซ ให้เลือกเดินมากมาย
      2.เมืองรอบๆกรุงโซล ที่โดดเด่นและน่าไปเยี่ยมมองที่สุดคือ
• เมืองซูวอน เที่ยวป้อมปราการฮวาซอง
• เมืองชุนชอน มีเกาะนามิ ตามรอยละครดัง Winter Love Song เพลงรักในสายลมหนาว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไปเยือนอยู่ไม่ขาดสาย
• เมืองยางจู ที่อยู่ทางตอนเหนือกรุงโซล ก็มีโรงถ่ายละครแดจังกึม ของสถานีโทรทัศน์ MBC ที่ฮิตเปรี้ยงปร้างอีกเรื่องในบ้านเราและทั่วเอเชีย
• เมืองอินชอน นอกจากชายทะเลแล้วยังเป็นที่ตั้งของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกอีกแห่งนั่นคือสนามบินอินชอน
      3.เมืองซกโซ อันเป็นเมืองหน้าด่านที่จะพาเราขึ้นไปพิชิตยอดเขาซอรักซาน ในอุทยานแห่งชาติเขาซอรักซาน ที่สวยที่สุดไปคนละแบบในแต่ละฤดู รวมทั้งชายทะเลของ เมืองหยางหยางและคังนึง ก็ไปเดินเล่นได้โดยได้โดยปราศจากสิ่งรบกวนทางสายตา ไม่ว่าจะเป็นร่มหรือเตียงผ้าใบ และหาปลาหมึกสดย่างรับประทานได้
      4.เมืองอันดง สถานที่จัดงานระบำหน้ากาก ที่จัดราวเดือนตุลาคมของทุกปี รวมทั้ง หมู่บ้านฮวาเฮว ที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลี
สุดยอดที่สุดเห็นจะเป็น เมืองเคียงจู เป็นมรดกโลก ที่ได้ฉายาว่าเมืองพิพิธภัณฑ์ไร้กำแพงเพราะโบราณสถานและสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ต่างก็กระจายอยู่ที่โล่งต่างๆทั่วเมือง รวมทั้งวัดพุลกุกซาและถ้ำซอกกูรัม ที่ตั้งอยู่บนเขา
      5.เมืองปูซาน เมืองชายทะเลด้านตะวันออกเฉียงใต้ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศนั้น มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย รวมทั้งชายทะเลและตลาดค้าส่งปลาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้รับเกียรติให้จัดการต่างๆระดับนานาชาติหลายๆงานอยู่เป็นประจำ
      6.เมืองซูอันโบ ที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำแร่ธรรมชาติ ทะเลสาบชงจูโฮ ที่เราสามารถนั่งเรือชมโขดหินที่รูปทรงแปลกตาได้ไม่มีเบื่อ รวมทั้งถ้ำโคสุ ถ้ำที่ลึก สูงและยาวที่สุด ซึ่งได้จัดเส้นทางให้เราเข้าไปชมความงามของหินงอกหอนย้อยได้ตามสบาย
• เมืองแทจอน ถือว่าเป็นเมืองแห่งวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นที่ตั้งของสวน แทจอน เอ็กซ์โป ที่เมืองนี้รับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเมื่อปี ค.ศ.1993 แม้จะเลยผ่านมาหลายปี สถานที่จัดงานก็ยังคงยังก็ยังคงจัดแสดงนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ ได้อย่างน่าสนใจเหมือนกัน
• เมืองคิมซัน ทางตอนใต้ของมณฑลแทจอน ก็เป็นแหล่งปลูกโสมที่ดีที่สุดในเกาหลีทุกสัปดาห์จะมีตลาดนัดซื้อขายโสมที่ตลาดคิมซัน
       7.เมืองกวางจู เมืองทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ นั้นมีชื่อเสียงทางด้านการทำกิมจู ถึงกับมีเทศกาลการทำกิมจู ทุกๆปีราวเดือนพฤศจิกายน ส่วนที่ เมืองมกโพ เมืองชายทะเลก็มีเทศกาลพอกโคลนทุกปีเช่นกัน
       8.เกาะเชจู ขึ้นชื่อในความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะขุนเขา ท่ามกลางอากาศเย็นสบายๆ หน้าร้อนก็ไม่ร้อนจนเกินไป ส่วนหน้าหนาวก็ไม่หนาวเหน็บขนาดมีหิมะตก ริมทะเลก็มีชายหาดสวย รวมทั้งน้ำตกและถ้ำก็มีกระจายทั่วเกาะ รวมทั้งมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านให้เราได้ศึกษาวิถีชีวิตของคนเกาหลีในอดีต อีกด้วย




GOT7 "너란 걸(Magnetic)" Dance Practice